ในหนังสือ How To ชื่อดังอย่าง พ่อรวยสอนลูกได้พูดถึงเรื่องเงินสี่ด้าน E S B I หมายถึง การได้มาของเงิน 4 แบบที่แตกต่างกันสิ่งที่ทุกคนอยากได้มากคือ “PASSIVE INCOME”
ถึงกับทำให้ใครหลายคนศึกษาตลาดอสังหาฯ พยายามมีคอนโดเพื่อปล่อยเช่ากันมากมาย ถ้าซื้อด้วยเงินเย็นก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างแย่ที่สุดไม่มีใครเช่าก็มีสินทรัพย์เพิ่ม บางคนกู้เงินมาซื้อ แต่กลับไม่มีผู้เช่า
แบบนี้เป็นหนี้เพิ่มโดยไม่สมัครใจซะอย่างนั้นยังมี Passive อื่นที่ไม่ต้องเป็นหนี้หรือใช้เงิน นั่นคือ “ ค่าลิขสิทธิ์ “
รู้จัก J.K. Rowling ผู้แต่ง แฮรี่ พอตเตอร์ ไหมครับเธอเขียนหนังสือจนขึ้นเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดบนเกาะอังกฤษทุกวันนี้เธอยังมีรายได้แม้จะไม่มีหนังสือใหม่ออกมาก็ตามมันมาจากไหนน่ะเหรอ ก็มาจากค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ภาพยนตร์ ของเล่น ของที่ระลึก ฯลฯ ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับแฮรี่ พอตเตอร์เธอรับรายได้แบบไม่ต้องลงทุนทำขายเองตัวอย่างนี้คงทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่อง “ค่าลิขสิทธิ์”
คำถามคือ...
ถ้าเราไม่มีเงินซื้อคอนโดให้เช่า ถ้าเราไม่ใช่นักเขียนนิยายขายดี ถ้าเราไม่ใช่นักแต่งเพลงจะมีรายได้ค่าลิขสิทธิ์จากอะไร ทุกคนมีคนที่ตัวเองรักและผูกพันคนที่ตัวเองปรารถนาดีแบบไม่มีเงื่อนไข หรือเรียกว่า “ลิขสิทธิ์ความสัมพันธ์”
ยังจำได้ไหมครับว่าในระบบซินแสฯ มีสิ่งที่ใช้เชื่อมความสัมพันธ์นั่นคือ "โค้ดซินแส" ถ้าคุณรักใคร ห่วงใยใคร แล้วใช้โค้ดซินแสเชื่อมความสัมพันธ์ไว้โดยให้เขาหรือเธอมีซินแสส่วนตัวคอยเตือนสติก่อน 30 วัน เมื่อคนที่คุณรักเห็นว่ามีประโยชน์ ตัดสินใจด้วยสติ มีซินแสฯต่อไปคุณจะได้รับ คะแนนสติ เป็นค่าลิขสิทธ์ความสัมพันธ์
คุณก็อาจสงสัยว่า คะแนนสติ ให้ประโยชน์ที่ไม่ใช่ “เงินสด” แล้วจะถือเป็นรายได้ค่าลิขสิทธิ์ได้ยังไง ตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะถ้าคุณตีความวัตถุประสงค์ผิด อาจทำให้ประโยชน์แท้จริงถูกบิดเบือน เราจึงต้องจำกัดหรือมีหลักเกณฑ์ เพื่อให้เรามั่นใจได้จริงๆ ว่าคนที่มีสิทธิ์ได้ค่าลิขสิทธิ์ความสัมพันธ์สามารถแปลงคะแนนสติเป็นเงินสดได้ นั่นแปลว่า ทุกคนสามารถสร้างอาณาจักรความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วรอบ ๆ ตัว และไม่มีใครมาแย่งได้ ผ่านโค้ดซินแสจากระบบ “ซินแสบาร์โค้ดชีวิต”
ถ้าคุณเข้าใจแล้ว ลองทบทวนดูว่า คุณรักใคร ห่วงใยใคร อย่าให้เขาขาดซินแสฯ ส่งต่อ โค้ดซินแส เพื่อผูกลิขสิทธิ์ความสัมพันธ์ก่อนใคร ๆ